วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วันนี้เรามาเรียนรู้ภาษามลายู หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า มาเลย์นะคะ มาดูกันว่าภาษาของเค้าเขียนกันอย่างไร


ภาษามาเลย์
Bahasa Melayu, بهاس ملايو
(บาฮาซา มลายู)














     ภาษามาเลย์ หรือ ภาษามลายู (มาเลย์: Bahasa Melayu) เป็นภาษากลุ่มออสโตรนีเชียน ที่พูดโดยชนชาติมลายูซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของคาบสมุทรมลายู ทางใต้ของประเทศไทย ประเทศสิงคโปร์ และบางส่วนของเกาะสุมาตรา เป็นภาษาทางการของประเทศมาเลเซียและประเทศบรูไน และเป็น 1 ใน 4 ภาษาทางการของประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังใช้เป็นที่แพร่หลายในประเทศติมอร์ตะวันออก

ภาษาราชการ : ภาษามาเลย์
    
 ในการใช้ภาษาโดยทั่วไป ถือว่าเหมือนกัน หรือสื่อสารเข้าใจกันได้กับภาษาอินโดนีเซีย (บาฮาซาอินโดนีเซีย) อันเป็นภาษาทางการของประเทศอินโดนีเซีย แต่ใช้ชื่อแยกต่างกันด้วยเหตุผลทางการเมือง อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ในพื้นที่ต่างกัน การใช้ภาษา รสนิยมทางภาษา จึงแตกต่างกันไป แต่ไม่มากนัก
     
มาตรฐานอย่างเป็นทางการของภาษามลายูนั้น มีการตกลงร่วมกันระหว่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน ว่าใช้บาฮาซารีเยา (Bahasa Riau) เป็นมาตรฐาน อันเป็นภาษาของหมู่เกาะรีเยา ซึ่งถือว่าเป็นต้นกำเนิดของภาษามลายูมาช้านาน

ไวยากรณ์: ภาษามาเลย์เป็นภาษารูปคำติดต่อ การสร้างคำใหม่ทำได้ 3 วิธีคือ ลงวิภัติปัจจัยที่รากศัพท์ สร้างคำประสมหรือซ้ำคำ

ภาษาง่ายๆไว้ใช้ที่ประเทศมาเลเซีย
สวัสดี (ซาลามัต ดาตัง) Salamat Datang
ขอบคุณ (เตริมา กะชิ) Terima kasih
ขอโทษ (มาอาฟ) maaf
กรุณา (ซิลา) Sila
สบายดีไหม ? (อาปา กา บา) Apa kha bar?
กี่โมงแล้ว ? (ปูกูล เบอรปา) Pukul berepa?
อยู่ใหน? (ดี มานา) Di mana...?
ลาก่อน (ซาลามัต จาลัน) Salamat jalan
คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม? (โบเลกา อันดา เบอรจากับ บาฮาซา อิงเกริส) Bolehka anda bercakap bahasa Inggeris?


วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วันนี้ เรามาเรียนรู้ภาษาอินโดนีเซียกันนะคะ ดูซิว่า อักษรของเค้า เหมือนบ้านเราแค่ไหน...



ภาษาแต่ละประเทศในอาเซียน (อินโดนีเซีย)










ภาษาอินโดเป็นภาษาที่มีต้นกำเนิดเดียวกันกับภาษามาเลย์คือมีรากฐานมาจากภาษามลายู  แต่ภาษาอินโดนีเซียได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมชวา ฮินดู ภาษาบาลี ภาษาอาหรับ ภาษาดัชต์  ภาษาอังกฤษ ภาษาเปอร์เซีย ภาษาโปรตุเกส จนได้พัฒนามาเรื่อยๆและได้มีการเปลี่ยนแปลงการสะกดคำได้ทันสมัย และง่ายขึ้นจนเป็น  Bahasa Indonesia ในปัจจุบัน    ภาษาอินโดนีเซียเองนั้นยังแบ่งเป็นสองรูปคือ   ภาษาเขียนและภาษาพูดซึ่งแต่ละรูปจะมีการใช้คำและการเรียงประโยคที่แตกต่างกันเล็กน้อย ส่วนมากรูปภาษาพูดจะเรียนรู้ง่าย และถูกใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าภาษาเขียน

การทักทายภาษาอินโดนีเซีย
          การทักทายในภาษาอินโดนีเซียนั้น  คำทักทายที่ง่ายที่สุดคือ คำว่า HALO HA LO HALO ซึ่งเป็นคำทักทายที่ใช้ทักทายผู้ที่มีความสนิทสนมกันพอสมควรเช่น เพื่อนหรือรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกัน ส่วนคำทักทายแบบเป็นทางการในภาษาอินโดนีเซียจะคล้ายกับในภาษาอังกฤษ คือจะแบ่งการทักทายไปตามแต่ละช่วงเวลาของแต่ละวัน 
           ถ้าต้องการทักทายในช่วงเวลาตั้งแต่ตี1 ถึง ก่อน 11 โมงเช้า สามารถทักทายว่า
            Selamat Pagi       Se  la  mat  pa  gi        Selamat pagi  
           Selamat Pagi   แปลว่า สวัสดีตอนเช้า หรือ อรุณสวัสดิ์นั้นเอง   ซึ่งคำว่า Pagi   แปลว่า
            ตอนเช้า ค่ะ
            ส่วนในเวลากลางวัน ตั้งแต่  11 โมง ถึง ประมาณบ่ายสามโมง ใช้คำทักทายว่า
            Selamat Siang    Se  la  mat  Si  ang      Selamat siang
            Selamat Siang   แปลว่า สวัสดีตอนกลางวัน คำว่า กลางวัน คือ คำว่า Siang
            หลังจากบ่ายสามโมง จนถึง 6 โมงเย็นหรือจนพระอาทิตย์ตกดิน สามารถทักทายตอนเย็นด้วยคำว่า
            Selamat Sore   Se  la  mat  so  re      Selamat Sore  คำว่า Sore หมายถึง ตอนบ่ายคล้อยหรือตอนเย็นๆค่ะ
            ในตอนค่ำนั้นเราใช้คำว่า
Selamat Malam   Se  la  mat  ma  lam    Selamat malam
Selamat Malam   ใช้กล่าวเพื่อทักทายหลังจาก 6 โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน
             ถ้าหากต้องการกล่าวราตรีสวัสดิ์ สามารถใช้คำว่า
Selamat Tidur   Se  la  mat  ti  dur    Selamat tidur
Selamat Tidur   เป็นการอวยพรให้หลับสบายฝันดี เพราะคำว่า   tidur แปลว่า นอน
 เราลองมาทบทวนอีกครั้ง
              Selamat Pagi                     สวัสดีตอนเช้า
Selamat Siang                  สวัสดีตอนกลางวัน
Selamat Sore                    สวัสดีตอนบ่าย
Selamat Malam                สวัสดีตอนเย็น
Selamat Tidur                  ขอให้หลับสบาย

การนับเลขภาษาอินโดนีเซียและการออกเสียงพยัญชนะ
        การนับเลข1-9 ก็นับกันปกติพอมาถึงหลักสิบที่ลงท้ายด้วยสิบเช่น 10, 20, 30…เราจะต่อท้ายด้วยคำว่า puluh (ปู-ลูห์) ยกเว้นเลข 10 จะเปลี่ยนจาก satu ป็น se- แทน กลายเป็น sepuluh (เซอ-ปู-ลูห์)ช่นเดียวกับ 100 ก็จะเป็น seratus (เซอ-รา-ตุส), 1,000 ก็เป็น seribu (เซอ-ริ-บู)  จะมีพิเศษก็ตรงระหว่าง 11-19 เราจะต่อท้ายด้วย Belas แทน เช่น sebelas, dua belas... sembilan belas คล้ายๆภาษาอังกฤษที่ลงท้ายว่า teen
 1   satu (ซา-ตุ)                                         21      dua puluh satu (ดัว-ปู-ลูห์-ซา-ตุ)
 2   dua (ดัว)                                             25      dua puluh lima (ดัว-ปู-ลูห์-ลิ-มา)
 3   tiga (ติ-กา)                                          30      tiga puluh (ติ-กา-ปู-ลูห์)
 4   empat (เอ็ม-ปัด)                                  50     lima puluh (ลิ-มา-ปู-ลูห์)
 5   lima (ลิ-มา)                                         75      tujuh puluh lima (ตู-จูห์-ปู-ลูห์-ลิ-มา)
 6   enam (เออ-นัม)                                   79      tujuh puluh sembilan (ตู-จูห์-ปู-ลูห์-เซิม-บิ-ลัน)
 7   tujuh (ตู-จูห์)                                       80      delapan puluh (เดอ-ลา-ปัน-ปู-ลูห์)
 8   delapan (เดอ-ลา-ปัน)                         90      sembilan puluh (เซิม-บิ-ลัน-ปู-ลูห์)
 9   sembilan (เซิม-บิ-ลัน)                        100    seratus (เซอ-รา-ตุส)
10  sepuluh (เซอ-ปู-ลูห์)                          110    seratus sepuluh (เซอ-รา-ตุส-เชอ-ปู-ลูห์)
11  sebelas (เซอ-เบ-ลัส)                          150    seratus lima puluh(เซอ-รา-ตุส-ลิ-มา-ปู-ลูห์)
12  dua belas (ดัว-เบ-ลัส)                        200    dua ratus (ดัว-รา-ตุส)
15  lima belas (ลิ-มา-เบ-ลัส)                   900    sembilan ratus(เซิม-บิ-ลัน-รา-ตุส)
20  dua puluh (ดัว-ปู-ลูห์)                        1000  seribu (เซอ-ริ-บู)
       ส่วนตัวเลขที่มากกว่านี้จะใช้หลักเหมือนภาษาอังกฤษ เช่น หนึ่งหมื่น ก็จะเป็น sepulu ribu (สิบพัน), หนึ่งแสน = seratus ribu (หนึ่งร้อยพัน) เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนถึง หนึ่งล้าน จะใช้ sejuta (เซอ-จู-ตะ)
         
ส่วนวิธีการออกเสียงพยัญชนะ
Pronunciation...
A (ah) อา
B (bay) เบ
C (ch)  เซ
D (day) เด
E (eh) เอ
F (ef) เอฟ
G (gay) เก
H (hah) ฮา
 I (ee) อี
J (jay) เจ
K (kah) เค
L (ell) แอล
M (em) เอ็ม
N (en) เอ็น
O (oh) โอ
P (pay) เป
Q (key) คี
R (air-r) แอรร์
S (ess) เอส
T (tay) เต
U (uh) อู
V (vay) เฟ
W (way) เว
X (ex) เอ็กซ์
Y (yay) เย
Z (zet) เซ็ต
































วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ภาษาของแต่ละประเทศในอาเซียน (พม่า)

.....สวัสดี ค่ะ วันนี้เราจะมาเสนอภาษาของประเทศเพื่อนบ้านของเรา นั่นก็คือ ประเทศพม่า ลองมาดูกันนะคะว่า ภาษาของประเทศพม่าเป็นอย่างไร.....









ภาษาพม่า (พม่า: )  เป็นราชการของประเทศพม่า จัดอยู่ในในตระกูลภาษาย่อยทิเบต-พม่า อันเป็นสาขาย่อยของตระกูลภาษา โดยเป็นภาษาแม่ของคนประมาณ 32 ล้านคนในพม่า และเป็นภาษาที่สองของชนกลุ่มน้อยในพม่า และในประเทศอินเดีย ประเทศบังคลาเทศ ประเทศมาเลเซีย ประเทศไทย และสหรัฐอเมริกา ภาษาพม่าเป็นภาษาที่มีระดับเสียง หรือวรรณยุกต์ มีวรรณยุกต์ 4 เสียงและเขียนโดยใช้อักษรพม่า ซึ่งดัดแปลงจากอักษรมอญอีกทอดหนึ่ง และจัดเป็นสมาชิกในตระกูลอักษรพราหมี รหัส ISO 639 สำหรับภาษาพม่าคือ ''my'' และรหัส SIL คือ BMS

ภาษาถิ่นและสำเนียง
       ภาษาพม่ามาตรฐานคือสำเนียงย่างกุ้ง ภาษาถิ่นในพม่าภาคเหนือและภาคใต้จะต่างจากภาษากลาง ภาษาถิ่นในเขตยะไข่หรืออารกัน ยังมีเสียง /ร/ แต่สำเนียงย่างกุ้งออกเสียงเป็น /ย/ ภาษาพม่าแบ่งอย่างกว้างๆได้ 2 ระดับ คือระดับทางการใช้งานวรรณคดี งานราชการและวิทยุกระจายเสียง ระดับไม่เป็นทางการใช้ภายในครอบครัวและกับเพื่อน พระภิกษุชาวพม่ามักพูดกันเองด้วยภาษาบาลี ซึ่งได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนา

การถอดเป็นอักษรโรมัน
        ภาษาพม่าไม่มีระบบการถอดเป็นอักษรโรมันที่แน่นอน คำหลายคนสะกดต่างจากที่ออกเสียง เช่น คำว่าพระพุทธเจ้า ออกเสียงว่า pha-ya แต่เขียนว่า bu-ya การถอดภาษาพม่าเป็นอักษรโรมันจึงทำได้ยากแต่พอจะใช้การถอดเป็นอักษรโรมันของภาษาบาลีมาเทียบเคียงได้

ไวยากรณ์
        การเรียงคำเป็นแบบ ประธาน-กรรม-กริยา ยกเว้นคำว่า ga (เป็น) ซึ่งจะวางต่อจากประธาน คำสรรพนามเปลี่ยนตามเพศและสถานะของผู้ฟัง เป็นภาษาพยางค์เดี่ยว แต่มีรากศัพท์และการเติมคำอุปสรรค การเรียงคำในประโยคไม่มีบุพบท สันธานแต่ใช้การเติมปัจจัย

คำคุณศัพท์
        คำคุณศัพท์มาก่อนคำนาม เช่น chuo-dé lu (สวยงาม + dé + คน = คนสวย) หรือตามหลังนาม เช่น lu chuo (คนสวย) การเปรียบเทียบใช้คำอุปสรรค à-คำคุณศัพท์-ปัจจัย zon คำคุณศัพท์บอกจำนวน ตามหลังคำนาม

คำกริยา
        รากศัพท์ของคำกริยามักเติมปัจจัยอย่างน้อย 1 ตัว เพื่อบอกกาล ความสุภาพ รูปแบบกริยา เป็นต้น ไม่มีการใช้คำสันธาน รูปกริยาไม่เปลี่ยนตามบุคคล จำนวน หรือเพศของประธาน ตัวอย่างเช่น คำกริยา sá (กิน) เป็น
sá-dè = กิน ปัจจัย ใช้แสดงปัจจุบันกาลหรือใช้เน้นย้ำ
sá-gè-dè = กินแล้ว ปัจจัย gè/kè แสดงอดีตแต่ไม่จำเป็นต้องใช้เสมอไป ปัจจัย ในที่นี้เป็นการเน้นย้ำ
sá-nei-dè = กำลังกิน nei เป็นอนุภาคแสดงว่าการกระทำนั้นกำลังเกิดขึ้น
sá-bi = กำลังกินอยู่ ปัจจัย bi นี้ใช้กับการกระทำที่ประธานเริ่มกระทำและยังไม่เสร็จสิ้น
sá-mè = จะกิน อนุภาค นี้ใช้แสดงอนาคตและยังไม่เกิดขึ้น
sá-daw-mè = จะกิน(ในไม่ช้า) อนุภาค daw ใช้กับเหตุการณ์ที่ใกล้จะเกิดขึ้น

คำนาม
        คำนามภาษาพม่าทำให้เป็นพหูพจน์โดยเติมปัจจัย dei (หรือ tei ถ้ามีเสียงตัวสะกด) อาจใช้ปัจจัย myà ที่แปลว่ามากได้ด้วย ตัวอย่างเช่น nwá = วัว nwá- dei = วัวหลายตัว จะไม่ใช้ปัจจัยแสดงพหูพจน์เมื่อมีการแสดงการนับคำนาม เช่น เด็ก 5 คน ใช้ว่า kelei (เด็ก) ngá (5) yauk (คน)

ลักษณนาม
        ภาษาพม่ามีลักษณนามเช่นเดียวกับภาษาจีน ภาษาไทย และภาษามาเลย์ คำลักษณนามที่ใช้ทั่วไปได้แก่
ใช้กับคน (เฉพาะพระสงฆ์และแม่ชี)
hli ใช้กับสิ่งที่เป็นชิ้น เช่น ขนมปัง
kaung ใช้กับสัตว์
ku ใช้กับสิ่งไม่มีชีวิตโดยทั่วไป
kwet ใช้กับสิ่งที่บรรจุของเหลวเช่น ถ้วย
lóun ใช้กับวัตถุรุปกลม
pyá ใช้กับวัตถุแบน
sin หรือ zín ใช้กับสิ่งที่มีล้อ เช่นรถ
su ใช้กับกลุ่ม
ú ใช้กับคน (เป็นทางการ)
yauk ใช้กับคน (ไม่เป็นทางการ)

คำสรรพนาม
         คำสรรพนามที่เป็นรูปประธานใช้ขึ้นต้นประโยค รูปกรรมจะมีปัจจัย –go ต่อท้าย ตัวอย่างคำสรพนาม เช่น
ฉัน เป็นทางการ ผู้ชายใช้ kyaw-naw ผู้หญิงใช้ kyaw-myaไม่เป็นทางการใช้ nga พูดกับพระสงฆ์ใช้ da-ga หรือ da-be-daw (หมายถึง นักเรียน)
เธอ ไม่เป็นทางการใช้ nei หรือ min เป็นทางการใช้ a-shin หรือ ka-mya
เรา ใช้ nga-do
พวกคุณ ใช้ nei-do
เขา ใช้ thu
พวกเขา ใช้ thu-do
มัน หรือ นั่น ใช้ (ai)ha

คำศัพท์
          คำศัพท์ส่วนใหญ่มาจากภาษาตระกูลทิเบต-พม่า ศัพท์เกี่ยวกับศาสนา การศึกษา ปรัชญา รัฐบาลและศิลปะ ได้มาจากภาษาบาลีเป็นส่วนใหญ่ คำยืมจากภาษาอังกฤษมักเกี่ยวกับธุรกิจหรือการปกครองสมัยใหม่ คำยืมจากภาษาฮินดีมักเกี่ยวกับอาหารและการปรุงอาหาร

ขอบคุณที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/ภาษาพม่า

นอกจากภาษาพม่า ซึ่งเป็นภาษาราชการแล้ว พม่ามีภาษาหลักที่ใช้งานในประเทศถึงอีก 18 ภาษา โดยแบ่งตามตระกูลภาษาได้ดังนี้
  • ตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก ได้แก่ ภาษามอญ ภาษาปะหล่อง ภาษาปะลัง (ปลัง) ภาษาประรวก และภาษาว้า
  • ตระกูลภาษาซิโน-ทิเบตัน ได้แก่ ภาษาพม่า (ภาษาราชการ) ภาษากะเหรียง ภาษาอารากัน (ยะไข่) ภาษาจิงผ่อ (กะฉิ่น) และภาษาอาข่า
  • ตระกูลภาษาไท-กะได ได้แก่ ภาษาฉาน (ไทใหญ่) ภาษาไทขึน ภาษาไทลื้อ และภาษาไทคำตี่
  • ตระกูลภาษาม้ง-เมี่ยน ได้แก่ ภาษาม้งและภาษาเย้า (เมี่ยน)
  • ตระกูลภาษาออสโตรนีเชี่ยน ได้แก่ ภาษามอเก็นและภาษาสะลน

คำทักทาย (ภาษาพม่า : ภาษาไทย)
มิงกะลาบา : สวัสดี (ใช้ได้ตลอดวัน)
เจซูติน บาแด : ขอบคุณมาก
ควินโละ บ่าหน่อ : ขอโทษ (Excuse me)
หม่อง (Maung) : ใช้เรียกเด็กผู้ชายและคนหนุ่มโสด
อู (U) : กระเด๊าะ : ขอโทษ (Sorry)ใช้เรียกผู้ใหญ่หรือผู้อาวโสชาย
ม่ะ (Ma) : ใช้เรียกเด็กผู้หญิงและสาวโสด
ดอว์ (Daw) : ใช้เรียกสตรีที่มีการศึกษา
อะโก / อะมะ : พี่ชาย / พี่สาว
อะเผ่ / อะเหม่ : พ่อ / แม่
อะโพ / อะพวา : คุณปู่คุณตา / คุณย่าคุณยาย
เย่าจา / เหมมะ : ผู้ชาย / ผู้หญิง
ยีซา : แฟน คนรัก
หลีน / มะย้า : สามี / ภรรยา
หยิ่นมอง : คนขับรถ
ซายา / ซายามะ : ครูชาย/ครูหญิง
ซิดดั้ด/เย : ทหาร/ตำรวจ
ไหน่หงั่นชาตา : ชาวต่างประเทศ
โบล่ : ฝรั่ง โยเดีย : คนไทย
เหมี่ยนหม่า : ชาวพม่า
ล่ะเด่,ช้อเด่ : สวยมาก, น่ารักมาก
ค้านเด่ : หล่อมาก
ตาตา : ลาก่อน
ทั่วไป
ดีเนะ : วันนี้
มาเนะก้ะ : เมื่อวานนี้
มาเนะเผี่ยน : พรุ่งนี้
ซ้อซ้อ : เช้าๆ
มาเนะ : ตอนเช้า
นิเหล่ : ตอนกลางวัน
เงียะเหน่ : ตอนเย็น
เงียะ : กลางคืน
ตัว : ไป
เชตัว : ไปตลาด
ฉิฉิ่น : เดิน
ปี : วิ่ง
ขะยี : เดินทาง
ตินบอตัว : ตรงไป
หมวดอาหาร
ไบซ้าเดะ : หิว
ทะมิ้นซ้าเดะ : หิวข้าว
อะยาต่าชิเดะ : อร่อยมาก
วาบิ : อิ่ม
เหย่เกโดะ : น้ำแข็งก้อน
เหย่ต้ะ : น้ำเปล่า
เหย่นวย : น้ำร้อน
เหย่เอะ : น้ำเย็น
หงะปยาเหย่ : น้ำปลา
กะจา : น้ำตาล
ทะมิ้น : ข้าวสวย
ซามปะยื่ว : ข้าวต้ม
เก้างึน : ข้าวเหนียว
เต็ดเต่ดลก : มังสวิรัติ
อะย่วย : ผัก
บ่าล่อวเหล่ : เท่าไหร่
การนับเลข
ติท = 1
หนิท = 2
โตง = 3
เล = 4
งา = 5
ชัก = 6
คูนิ = 7
ชิท = 8
โก = 9
ติทเซ = 10
ติทยาร์ = 100
ติทท็อง = 1000